วันจันทร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2557

ข่าวการศึกษา

ดร.เร่งสวดการศึกษาไทยมาตรฐานต่ำ
          ที่โรงแรมอมรีออคิด รีสอร์ทฯ พัทยา จ.ชลบุรี เมื่อวันที่ 30 พ.ค. มีการจัดเสวนาเรื่อง การศึกษาไทยในภาวะวิกฤตของประเทศจัดโดยสำนักงานเลขาธิการสภาการศึกษา (สกศ.) โดย ดร.รุ่ง แก้วแดง อดีต รมช.ศึกษาธิการ กล่าวยอมรับว่าคุณภาพการศึกษาของไทยต่ำ และมีความอ่อนแอตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาลไปจนถึงระดับอุดมศึกษา ทุกครั้งที่เกิดอะไรกับประเทศไทย การศึกษาจะตกเป็นจำเลยทุกครั้ง แต่ผมก็ไม่ปฏิเสธว่าคุณภาพการศึกษาไทยทั้งต่ำและเตี้ยคู่กันจริงเราอ่อนแอตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงอุดมศึกษา โดยเฉพาะอุดมศึกษาทุกวันนี้แต่ละมหาวิทยาลัย เหมือนแค่ร้านสะดวกซื้อที่ไม่ได้สอนคนแต่มีไว้ขายปริญญา มีการเปิดศูนย์สาขาขยายไปทั่ว บางแห่งก็ไปเช่าสถานที่โรงเรียนประถมหรือโรงแรม และมีการพูดกันว่าหากใครอยากได้ปริญญาโทก็จ่าย 1 แสน จ่ายครบจบแน่ ส่วนระดับปริญญาเอกก็ 3 แสนบาท และบางแห่งยังมีเงินให้กู้เรียนได้อีกด้วย ซึ่งผมกำลังคิดว่าจะฟ้องศาลปกครอง เพราะหากเราปล่อย ให้สถาบันเหล่านั้นผลิตคนไม่มีคุณภาพ ออกมากจะส่งผลเสียต่อประเทศอย่างมาก
          ดร.รุ่ง ยังกล่าวว่า การปฏิรูปการศึกษาเมื่อปี 2542 มีอุปสรรคสำคัญคือ การเมืองมีการเปลี่ยนแปลงบ่อย และไม่ได้มีการให้ความรู้แก่นกการเมือง ทำหลายเรื่องพร้อมกันมากเกินไป ขาดผู้นำที่เข้มแข็งและที่สำคัญมีแต่คนพูด แต่ไม่มีคนทำ ดังนั้นในการปฏิรูปการศึกษารอบสองที่จะทำใหม่นั้น ตนเห็นว่าจะต้องขับเคลื่อนด้วยพลังของประชาสังคมจะดีกว่า เพราะเราตั้งความหวังกับการเมืองไม่ได้แล้ว เพราะระบบการเมือง  ในบ้านเราตายหมดแล้วในทุกระดับตั้งแต่การเมืองระดับชาติถึงการเมืองระดับท้องถิ่นและเหม็นเน่าด้วย ส่วนระบบราชการกตายแล้วเช่นกันไม่ว่าทุ่มเงินลงไปเท่าใดก็ไม่เกิดประโยชน์อะไรขึ้นมา 

          ขณะ
ที่ ศ.ศรีราชา เจริญพานิช ผู้ตรวจการแผ่นดินของรัฐสภา ในฐานะกรรมการสภาการศึกษา กล่าวว่า การพัฒนาคุณภาพการศึกษาขึ้นอยู่กับครู แต่ตนหมดหวังกับระบบการผลิตและพัฒนาครูของเรา อีกทั้งระบบการบริหารงานบุคคลของข้าราชการครูก็ล้มเหลว มีการวิ่งเต้นกันแหลกลาญ กว่าร้อยละ 80 เป็นการวิ่งเต้นทั้งหมด ทั้งการวิ่งเต้นจากผู้อำนวยการโรงเรียนขนาดเล็ก ไปเป็นผู้อำนวยการโรงเรียนขนาดใหญ่ ข้ามทั้งระบบและไม่ใช้หลักคุณธรรม หรือการวิ่งเต้นย้ายครูข้ามโรงเรียน ข้ามเขตพื้นที่ส่วนที่เป็นปัญหามานานคือการวิ่งเต้นเพื่อให้ได้ 2 ขั้น รวมถึงการทำผลงานวิชาการเพื่อขอเลื่อนวิทย ฐานะก็มีการพัฒนา จากเมื่อก่อนใช้วิธีจ้างทำ ก็มาเป็นการวิ่งเต้นกับผู้อ่านผลงานวิชาการเพื่อให้ผ่านการพิจารณา แต่ปัจจุบันไปไกลถึงขนาดที่ผู้ตรวจผลงานเป็นฝ่ายโทรศัพท์ไปถามเองเพื่อเรียกร้องเงินทอง หากเราไม่ทบทวน สิ่งเหล่านี้ก็จะยิ่งเลวร้ายมากขึ้น ที่สำคัญเป็นการทำลายขวัญกำลังใจของครูที่ดีและมีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาคุณภาพการศึกษา
         
ผมอยากเสนอว่าการให้ความก้าวหน้าแก่ครู ควรวัดจากผลสัมฤทธิ์ที่เกิดกับตัวนักเรียน ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้ครูต้องใส่ใจกับคุณภาพการสอน อีกทั้งยังทำให้ผู้เรียนเป็นศูนย์กลางของการเรียนรู้ได้อย่างแท้จริง ขณะเดียวกันก็ต้องสร้างแรงจูงใจให้คนเก่งคนดีเข้ามาเป็นครู เช่น ผู้ที่จบหลักสูตรครู 6 ปีจะได้ค่าตอบแทนเท่ากับหมอ เป็นต้นศ.ศรีราชากล่าว 
          ส่วน
รศ.ธงทอง จันทรางศุ เลขาธิการสภาการศึกษา กล่าวว่า คุณภาพการศึกษาที่ผ่านมา อาจยังไม่ได้ดังใจของทุกคนจริงแต่ในวิกฤติต่างที่โลกกำลังประสบอยู่นี้ ตนมองในแง่ดีว่าเป็นโอกาสดีที่เราจะปฏิรูปการศึกษากันอีกครั้ง โดยนำประเด็นผลกระทบต่างมาเป็นข้อมูลในการพิจารณาวางแผนให้รับกับการเปลี่ยนแปลง ซึ่งตนเชื่อว่าเมื่อทุกคนตระหนักในปัญหาวิกฤติ ก็จะมาช่วยกันขับเคลื่อน ถึงแม้นกการศึกษาบางคนจะมองว่าการปฏิรูปรอบสองคงล้มเหลวแน่แต่ตนกลับมองในแง่ดีว่า เป็นการพูดเพื่อเตือนให้รู้ว่าไม่ใช่งานที่ง่าย และเป็นเรื่องท้าทาย อย่างไรก็ดี เราต้องยอมรับว่าการปฏิรูปการศึกษาจะหวังให้ได้ทั้ง 100% ไม่ได้อยู่แล้ว ซึ่งทุกประเทศในโลกก็ไม่เคยมีใครทำได้ เพราะการปฏิรูปการศึกษาเป็นงานที่ต่อเนื่องไม่มีสิ้นสุด ต้องทำไปเรื่อย
ที่มา
: http://www.dailynews.co.th